Site icon กฏหมาย ศาล อัยการ ทนาย คุก

ปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2483

พระราชบัญญัติ

ปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2483

–––––––––––––

 

ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล

คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร

ลงวันที่ 4 สิงหาคม พุทธศักราช 2480)

อาทิตย์ ทิพอาภา

พล.อ.พิชเยนทร โยธิน

ตราไว้ ณ วันที่ 17 กันยายน พุทธศักราช 2483

เป็นปีที่ 7 ในรัชกาลปัจจุบัน

 

          โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า สมควรมีกฎหมายไว้สำหรับปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อจะได้มีน้ำมันเชื้อเพลิงใช้ตามความจำเป็นโดยทั่วกัน

          จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้

          มาตรา 1  พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า พระราชบัญญัติปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2483

          มาตรา 2(1) ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

          มาตรา 3  น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดใด จะให้มีการปันส่วนจะได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

          มาตรา 4  ให้มีคณะกรรมการปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นคณะหนึ่งเป็นคณะกรรมการกลาง ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ เป็นประธาน ผู้แทนกรมเชื้อเพลิงเป็นกรรมการและเลขานุการ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกองทัพบก ผู้แทนกองทัพเรือ ผู้แทนกองทัพอากาศ องค์การละ 1 นายเป็นกรรมการ และกรรมการอื่นอีกไม่น้อยกว่าสามนาย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการจะได้ตั้งขึ้นและประกาศในราชกิจจานุเบกษา

          มาตรา 5  คณะกรรมการกลางมีอำนาจหน้าที่ประกาศชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะให้มีการปันส่วน ทำการสอบสวนเพื่อทราบปริมาณของน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด กำหนดเกณฑ์ปกติและอัตราปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิง ควบคุมการซื้อการขายรวมตลอดทั้งวางระเบียบการอนุญาตให้ซื้อและให้ขาย ให้เป็นไปตามความประสงค์ของพระราชบัญญัตินี้

          ระเบียบการนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

          มาตรา 6  ให้คณะกรมการจังหวัดภายในเขตจังหวัด คณะกรมการอำเภอภายในเขตอำเภอ เป็นคณะกรรมการปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนภูมิภาค มีหน้าที่ช่วยคณะกรรมการกลางดำเนินการให้เป็นไปตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้

          มาตรา 7  นับแต่วันที่ได้ประกาศชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะให้มีการปันส่วน การซื้อและการขายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดนั้นจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้  ทั้งตามกฎและระเบียบการซึ่งออกเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้

          การซื้อ ให้หมายความรวมถึงการได้มาด้วยประการใดๆ เว้นแต่การนำเข้ามาจากต่างประเทศ

          การขาย ให้หมายความรวมถึงการจำหน่ายไปด้วยประการใด ๆ

          มาตรา 8  เพื่อให้การปันส่วนเป็นไปตามความจำเป็นให้แบ่งประเภทผู้บริโภคออกเป็นหน่วย เพื่อการกำหนดอัตราปันส่วน ดังต่อไปนี้

          ก. หน่วยส่วนกลาง

             1. ราชการทหารและองค์การในความควบคุมของราชการทหาร

             2. ราชการพลเรือนและองค์การในความควบคุมของราชการพลเรือน

          ข. หน่วยส่วนภูมิภาค

             1. องค์การปกครองส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น

             2. สาธารณูปโภคของเอกชน

             3. อุตสาหกรรมและพาณิชย์กรรมของเอกชน

             4. องค์การศึกษา พยาบาล นายแพทย์ สัตวแพทย์ ผู้จำหน่ายอาหาร และทำการผลิตอาหาร

             5. ประชาชน

          ในกรณีที่มีปัญหาว่า ผู้บริโภครายใดพึงเข้าอยู่ในหน่วยใด ให้คณะกรรมการกลางเป็นผู้วินิจฉัย

          มาตรา 9  ในการขออนุญาตซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้สำหรับหน่วยส่วนกลาง ให้กระทรวงเจ้าสังกัดแจ้งรายละเอียดเกี่ยวแก่การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงตามปกติไปยังคณะกรรมการกลางเพื่อพิจารณาอนุญาต

          มาตรา 10  ในการขออนุญาตซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้สำหรับหน่วยส่วนภูมิภาค ให้ผู้บริโภคซึ่งต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเกินกว่าปริมาณที่คณะกรรมการกลางยกเว้นจากการปันส่วนตามพระราชบัญญัตินี้ ยื่นคำขอโดยใช้แบบพิมพ์ของคณะกรรมการกลางต่อคณะกรมการอำเภอแห่งท้องที่ที่ผู้ยื่นคำขอมีถิ่นที่อยู่  ในกรณีที่จังหวัดเทศบาลนคร หรือเทศบาลเมืองขออนุญาตให้ยื่นต่อคณะกรมการจังหวัด

          มาตรา 11  เมื่อคณะกรมการอำเภอหรือคณะกรมการจังหวัดแล้วแต่กรณี ได้รับความจำนงจะขอใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากผู้บริโภคในท้องที่อำเภอ หรือในจังหวัดดังกล่าวมาในมาตราก่อนนี้แล้ว ถ้าคณะกรมการอำเภอหรือคณะกรมการจังหวัดพิจารณาเห็นสมควรให้ออกใบอนุญาตตามระเบียบของคณะกรรมการกลางแสดงว่าผู้ขอมีสิทธิซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ใช้ได้ในเกณฑ์ปกติสำหรับระยะเวลาหนึ่งซึ่งกำหนดไว้เป็นปริมาณเท่าใด

          ในกรณีที่ปรากฏขึ้นภายหลังว่า  ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งกำหนดไว้ในใบอนุญาตใด มีเหตุสมควรจะเพิ่มหรือลดให้คณะกรมการอำเภอหรือคณะกรมการจังหวัดแล้วแต่กรณีมีอำนาจที่จะอนุญาตเพิ่มหรือลดปริมาณให้ใหม่ในใบอนุญาต

          มาตรา 12  ผู้ใดเห็นว่าปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่คณะกรมการอำเภออนุญาตให้ซื้อไม่พอแก่การใช้อันจำเป็นของตน หรือผู้ใดไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง ผู้นั้นจะอุทธรณ์ไปยังคณะกรมการจังหวัดก็ได้  ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่พอใจคำวินิจฉัยนั้น จะอุทธรณ์ไปยังคณะกรรมการกลางอีกก็ได้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการกลางให้เป็นที่สุด

          ส่วนผู้บริโภคที่ให้ยื่นคำขอรับอนุญาตต่อคณะกรมการจังหวัดนั้นถ้าจะอุทธรณ์ให้ยื่นต่อคณะกรรมการกลาง คำวินิจฉัยของคณะกรรมการกลางให้เป็นที่สุด

          มาตรา 13  ในการซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงทุกคราวไป ผู้ซื้อจักต้องแสดงใบอนุญาตให้ซื้อและจะซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงได้ตามปริมาณในเกณฑ์ปกติ และตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต เว้นแต่จะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงบางชนิดและภายในปริมาณ และเงื่อนไขอันคณะกรรมการกลางยกเว้นว่าผู้ซื้อไม่ต้องมีใบอนุญาต

          มาตรา 14  เมื่อคณะกรรมการกลางกำหนดอัตราปันส่วนให้ใช้แก่น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดใดในระยะเวลาใด นับแต่วันที่คณะกรมการอำเภอประกาศอัตราปันส่วนนั้น ณ ที่ว่าการอำเภอ สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดนั้นภายในระยะเวลานั้น  ผู้ได้รับอนุญาตซื้อจะพึงซื้อได้เพียงไม่เกินปริมาณของอัตราปันส่วนสำหรับหน่วยของตน

          อัตราปันส่วนของแต่ละหน่วยผู้บริโภคนั้น ให้กำหนดเป็นส่วนร้อยของเกณฑ์ปกติ

          มาตรา 15  ใบอนุญาตให้ซื้อเป็นใบอนุญาตเฉพาะตัวใช้ได้เฉพาะเวลาและตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตจะโอนให้ผู้หนึ่งผู้ใดมิได้

          มาตรา 16  ในการขายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้มีการปันส่วนผู้ขายจักต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกลาง หรือผู้ที่คณะกรรมการกลางมอบหมาย เว้นแต่จะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงบางชนิดและภายในปริมาณและเงื่อนไขอันคณะกรรมการกลางยกเว้นว่า ผู้ขายไม่ต้องมีใบอนุญาต

          บทบัญญัติมาตรานี้มิให้ใช้บังคับแก่กรมเชื้อเพลิง

          มาตรา 17  ในการซื้อเพื่อขาย ให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ขาย ซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงได้เฉพาะจากสถานที่ที่ปรากฏในใบอนุญาต

          สำหรับผู้ที่ขายน้ำมันเชื้อเพลิงบางชนิด ซึ่งขายภายในปริมาณและเงื่อนไขอันคณะกรรมการกลางยกเว้นว่าการขายไม่ต้องมีใบอนุญาต ให้ปฏิบัติอย่างการซื้อเพื่อใช้ และให้จัดเข้าอยู่ในหน่วยประชาชน

          มาตรา 18  ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ขายน้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงนั้นเพื่อกิจการใด ๆ ซึ่งมิใช่เพื่อขายต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติที่เกี่ยวกับผู้บริโภค

          มาตรา 19  พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ มีอำนาจเข้าไปในสถานที่ของผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ขายน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อตรวจว่าได้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ตามกฎกระทรวงหรือระเบียบการซึ่งออกเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ได้ในเวลากลางวันระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก  และต่อหน้าเจ้าของสถานที่หรือผู้แทน เจ้าของสถานที่หรือผู้แทนต้องให้ความสะดวกตามสมควร

          มาตรา 20  ผู้ใดฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงหรือระเบียบการซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัตินี้  ถ้าเป็นผู้บริโภคให้คณะกรมการอำเภอหรือคณะกรมการจังหวัด แล้วแต่กรณี มีอำนาจยึดใบอนุญาตไว้ชั่วคราวแล้วพิจารณาว่าจะพึงถอนใบอนุญาตหรือไม่ ถ้าเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ขาย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยึดใบอนุญาตไว้ชั่วคราว แล้วรายงานไปยังคณะกรรมการกลางเพื่อพิจารณาว่าจะพึงถอนการอนุญาตหรือไม่

          การยึดใบอนุญาตชั่วคราวนั้น ให้มีกำหนดไม่เกินสิบห้าวัน

          มาตรา 21  ผู้ใดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่มีใบอนุญาตเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 13 หรือซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเกินกว่าปริมาณที่ตนมีสิทธิจะซื้อได้ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินร้อยบาท

          มาตรา 22  ผู้ใดขายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 16 มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ

          มาตรา 23  ผู้ใดได้รับอนุญาตให้ขายน้ำมันเชื้อเพลิงทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 17 หรือ 18 หรือขายน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งไม่มีสิทธิซื้อหรือมีสิทธิซื้อ แต่ขายให้เกินกว่าปริมาณที่ผู้บริโภคนั้นมีสิทธิจะซื้อได้ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ

          มาตรา 24  ผู้ใดไม่ให้ความสะดวกตามสมควรแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการที่เข้าไปตรวจในสถานที่ของผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ขายน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรา 19 มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินร้อยบาท

          มาตรา 25  การมอบอำนาจหรือตั้งตัวแทนหรือการยื่นคำขอใด ๆ เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมหรือภาษีอากรซึ่งบัญญัติไว้ในกฎหมายอื่น

          มาตรา 26  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ และออกกฎกระทรวง กำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราชั้นสูงตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้

          กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

 

   ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

        พิบูลสงคราม

        นายกรัฐมนตรี

 

อัตราค่าธรรมเนียม

––––––––––

   1. คำร้องขอซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้          ฉบับละ  .05 บาท

   2. คำร้องขอซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อขาย         ฉบับละ  .10 บาท

   3. ใบอนุญาตซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้หรือใบแทน ฉบับละ  .20 บาท

   4. ใบอนุญาตให้ขายน้ำมันเชื้อเพลิงหรือใบแทน    ฉบับละ 1.00 บาท

 

 

คำแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหม

เรื่อง พระราชบัญญัติปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2483

–––––––––––––

 

          เนื่องจากที่ได้ประกาศให้ใช้พระราชบัญญัติปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงพุทธศักราช 2483 กระทรวงกลาโหมจึงเห็นสมควรแถลงให้ประชาชนทราบถึงเหตุที่ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและป้องกันมิให้ประชาชนหลงเชื่อถ้อยคำหลอกลวงของผู้ที่จะอ้างพระราชบัญญัตินี้ขึ้นเป็นเครื่องค้ากำไร

          พระราชบัญญัตินี้เป็นกฎหมายที่กำหนดให้แบ่งปันน้ำมันเชื้อเพลิงกันใช้ในเมื่อมีอุปสรรคในการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดขึ้น วิธีแบ่งปันกันใช้นี้ คือคำนึงถึงความสำคัญและความจำเป็นขององค์การต่าง ๆ องค์การใดมีความสำคัญ

และความจำเป็นต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงก็ต้องได้น้ำมันเชื้อเพลิงใช้ตามสมควรแก่ความสำคัญและความจำเป็นนั้น ๆ องค์การใดที่ไม่สำคัญและไม่จำเป็นก็ตัดการใช้ให้น้อยลงไป เพื่อให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงใช้กันได้โดยทั่วไปในประเทศ

          ในขณะนี้การจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้ในประเทศยังมิได้อยู่ในฐานะที่ลำบากประการใด แต่สถานะการณ์ของโลกในปัจจุบันอาจทำให้การจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงประสบอุปสรรคขึ้นในเวลาใดเวลาหนึ่งได้ ฉะนั้น จึงต้องเตรียมตัวไว้ให้พรักพร้อมก่อน  การประกาศใช้พระราชบัญญัติปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2483  ในชั้นนี้มีผลแต่เพียงให้ตั้งกรรมการปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิง และวางระเบียบการต่าง ๆ ขึ้น เพื่อเมื่อถึงคราวจำเป็นจะปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวแล้วจะได้เป็นเครื่องมือของเจ้าหน้าที่ในการจัดการปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นไปตามความประสงค์ของกฎหมายโดยเรียบร้อย  ฉะนั้นพระราชบัญญัติปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงนี้ แม้จะได้ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว  แต่ก็ยังมิได้มีการจำกัดหรือกำหนดการปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงประการใดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคงเป็นไปตามปกติเสมือนหนึ่งว่ายังไม่มีกฎหมายบังคับให้ปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงเลย

          กระทรวงกลาโหมขอแจ้งให้ทราบว่า เวลานี้กระทรวงกลาโหมยังจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้ในประเทศได้ ยังไม่จำเป็นที่จะต้องมีการจำกัดหรือปันส่วนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เพราะฉะนั้นขอให้ประชาชนจงเข้าใจตามคำแถลงการณ์นี้ และอย่าตื่นเต้นหลงเชื่อถ้อยคำหลอกลวงของผู้ที่จะอ้างพระราชบัญญัตินี้ขึ้นบังหน้าเป็นเครื่องค้ากำไรแต่อย่างใดเลย

 

กระทรวงกลาโหม

4 ตุลาคม 2483

Exit mobile version