หลายคนอาจเคยได้รับข้อความทาง SMS หรือโทรศัพท์ที่อ้างว่ามาจากบริษัทขนส่งพัสดุชื่อดัง หรือหน่วยงานราชการ เพื่อหลอกให้โอนเงิน หากไม่ตั้งสติและตรวจสอบให้รอบคอบก่อนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็อาจทำให้ตกหลุมพรางเสียทรัพย์ให้แก่มิจฉาชีพได้อย่างง่ายดาย บทความวันนี้ เราเลยไปรวมคำ โกหก ที่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้ตุ๋นหลอกให้โอนเงิน พร้อมกับข้อเท็จจริงที่ทุกคนควรรู้จากหน่วยงานต้นสังกัดมาฝาก จะได้ไม่หลงเชื่อโอนเงินให้เหล่ามิจฉาชีพผิดซ้ำรอยเดิม
รวมคำ โกหก ที่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้หลอกให้โอนเงิน
แม้สื่อต่างๆ จะนำเสนอข่าวเตือนภัยที่คุณอาจได้รับข้อความทาง SMS หลอกลวงจากแก๊งคอลเซนเตอร์ แต่ก็ยังมีผู้หลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันนี้เราเลยรวม คำโกหก ที่ แก๊งคอลเซนเตอร์ ใช้หลอกให้โอนเงินมาฝาก ดังนี้
- คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ต้องโอนเงินมาเพื่อตรวจสอบและจะได้รับการคุ้มครองจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยอ้างถึงราชกิจจานุเบกษา และเอกสารที่มีตราสัญลักษณ์ ปปง.
ข้อเท็จจริง: ปปง. ไม่เคยออกเอกสารในลักษณะดังกล่าว และรูปแบบราชกิจจานุเบกษาที่กล้าวอ้าง ไม่ได้เป็นรูปแบบที่ถูกต้อง
- กำลังถูกอายัดบัญชีเงินฝาก เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฏหมาย และต้องโอนเงินมาให้ตรวจสอบ
ข้อเท็จจริง:ทอายัดบัญชีเงินฝาก เพราะทำผิดกฎหมาย เจ้าพนักงานจะสั่งการไปยังธนาคารโดยตรง เพื่อห้ามเคลื่อนย้ายเงินเท่านั้น ไม่ต้องโอนเงินออกมาให้ตรวจสอบ
- ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร โทรมาขอข้อมูลส่วนตัว รวมถึงข้อมูลทางการเงิน เช่น เลขที่บัญชี รหัส หมายเลขบัตรเดบิต บัตรเครดิต เลขท้ายหลังบัตรเครดิต (CVV) เพื่อสมัครหรือต่ออายุใช้บริการต่างๆ
ข้อเท็จจริง: ธนาคารต่างๆ ไม่มีนโยบายให้พนักงานโทรมาสอบถามข้อมูลลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ SMS และโซเชียลมีเดีย
- แก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกว่าค้างชำระค่าบัตรเครดิต หากไม่รีบชำระ จะถูกฟ้องดำเนินคดี และให้ไปชำระที่ตู้ ATM ทันที แล้วทำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่กำลังจะบอก
ข้อเท็จจริง: สถาบันการเงินไม่มีนโยบายขอข้อมูลหรือแจ้งให้ลูกค้าทำธุรกรรมผ่านทางโทรศัพท์ หากมียอดค้างชำระจริง ลูกค้าสามารถชำระได้ผ่านช่องทางต่างๆ ของสถาบันการเงิน โดยไม่ต้องทำรายการผ่านตู้ ATM ตามคำบอกของเจ้าหน้าที่
- แก๊งคอลเซนเตอร์ โกหก ว่ามีค้างชำระค่าปรับจราจร หากไม่โอนมาชำระตอนนี้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ข้อเท็จจริง: กองบัญชาการตำรวจนครบาลไม่มีนโยบายโทรศัพท์ทวงค่าปรับใบสั่งจราจรค้างชำระกับประชาชน
- แก๊งคอลเซนเตอร์หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และแจ้งว่า เบอร์โทรศัพท์ของคุณมีผู้ร้องเรียนจำนวนมาก จะตัดสัญญาณภายใน 2 ชั่วโมง อยากรู้รายละเอียด ให้กดหมายเลข 9 เพื่อติดต่อสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ข้อเท็จจริง: กสทช. ไม่มีนโยบายโทรศัพท์ไปหาประชาชนเพื่อแจ้งตัดสัญญาณ
พัสดุของคุณถูกตีกลับ ตรวจสอบแล้วเป็นของผิดกฎหมาย และจะโอนสายให้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางวิดีโอคอล
ข้อเท็จจริง: สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีนโยบายให้เจ้าพนักงานโทรไลน์ ส่งข้อความ หรือวิดีโอคอลไปหาประชาชน
แก๊งคอลเซนเตอร์ โกหก ว่าเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โทรมาขอข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขหลังบัตรประชาชน หรือบอกให้โอนเงิน
ข้อเท็จจริง: สปสช. จะโทรหาประชาชนในกรณีเดียวเท่านั้น เมื่อบุคคลนั้นลงทะเบียนเข้ารับการดูแลในระบบ home isolation และไม่ได้รับการติดต่อกลับจากหน่วยบริการ และการโทรหาผู้ป่วยก็จะไม่สอบถามข้อมูลส่วนบุคคลเนื่องจากผู้ป่วยได้แจ้งข้อมูลตั้งแต่ขั้นตอนการลงทะเบียนแล้ว
คุณได้รับสินเชื่อจาก ธปท. จำนวนเงิน xx,xxx บาท คลิกลิงก์เพื่อกรอกรายละเอียด
ข้อเท็จจริง: แบงก์ชาติไม่ทำธุรกรรมโดยตรงกับประชาชนทุกรูปแบบ
นอกจากคำโกหกที่แก๊งคอลเซนเตอร์ใช้ด้านบนแล้ว ปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีล้ำๆ เข้ามาช่วยสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น เช่น หลอกให้หลงเชื่อโดยให้คลิกลิงก์ดาวน์โหลดโปรแกรมควบคุมเครื่องระยะไกล (remote) ด้วยเหตุผลว่าเป็นการติดตั้งแอปพลิเคชันเพื่อใช้โปรแกรมเหล่านั้นในการแจ้งความออนไลน์ อาทิ
- Team Viewer
- AirDroid
- Chrome Remote Desktop
- Inkwire
- AnyDesk
- LogMeIn
- VNC
- Parsec เป็นต้น
ซึ่งโปรแกรมข้างต้นทำให้มิจฉาชีพสามารถควบคุมโทรศัพท์มือถือของเราได้เสมือนเป็นเจ้าของเครื่อง เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล รหัส OTP และแอบโอนเงินออกจากบัญชีของเรา
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมุกเก่าหรือมุกใหม่ จุดประสงค์ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์โกหกก็คือ ต้องการหลอกให้เราบอกข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ เพื่อนำไปทำธุรกรรมทางการเงิน โดยใช้ความตกใจ และความไม่รู้ของเหยื่อ ดังนั้น หากเจอ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรมาสอบถามข้อมูลโดยใช้ข้อความคล้ายๆ ตัวอย่างเหล่านี้ ให้คุณสงสัยไว้เลยว่า อาจเจอกับแก๊งคอลเซนเตอร์ที่เป็นมิจฉาชีพเข้าแล้ว
หากพบว่าเป็นเรื่องหลอกลวงหรือเป็นมิจฉาชีพ สามารถแจ้งเบาะแสผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่เราใช้อยู่ หรือส่งเรื่องให้ตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โทร. 1441 ได้ กรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ก็สามารถแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่ง
ด้วยความปรารถนาดีจาก MoneyGuru
ไม่พลาดทุกเรื่องราวข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อน กับ LINE @MoneyGuruThailand
ข้อมูลอ้างอิงจาก
- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- สมาคมธนาคารไทย
- สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
- สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
- กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
- ธนาคารแห่งประเทศไทย
- สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)